จังหวัดเชียงใหม่ ประชุมหารือและตรวจสอบ สรุปข้อเท็จจริงในพื้นที่ประกอบกับบทบัญญัติของ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย

จังหวัดเชียงใหม่ ประชุมหารือและตรวจสอบ สรุปข้อเท็จจริงในพื้นที่ประกอบกับบทบัญญัติของ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย
จังหวัดเชียงใหม่ ประชุมหารือและตรวจสอบ สรุปข้อเท็จจริงในพื้นที่ประกอบกับบทบัญญัติของ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่าน้ำไทย เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และเป็นข้อมูลในการดำเนินการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองสิ่งปลูกสร้างล่วงลำน้ำ
วันนี้ 19 มิ.ย. 60 เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายกฤษณ์ ธนาวณิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมหารือตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2560 ด้วยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2560 ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2560 จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 โดยสาระสำคัญของพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีเจตนารมณ์เพื่อควบคุมการปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดลงไปในแม่น้ำ ลำคลอง ทะเล ชายหาดสาธารณประโยชน์ เพื่อประโยชน์ในการรักษาลำน้ำสำหรับการพาณิชยนาวี การเกษตรกรรม และการป้องกันอุทกภัย กรมเจ้าท่า จึงได้ประชาสัมพันธ์สาระของพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2560 เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองสิ่งปลูกสร้างล่วงลำน้ำ ดังนี้ 1.สิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำที่ไม่เคยได้รับอนุญาต หรือเคยได้รับอนุญาตแต่ปลูกสร้างไม่เป็นตามรูปแบบที่ได้รับอนุญาตก่อนวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 ดำเนินการ ดังนี้ 1.1) เจ้าของหรือผู้ครอบครองสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำ แจ้งต่อกรมเจ้าท่าหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาที่สิ่งปลูกสร้างตั้งอยู่ตามแบบการแจ้ง ผ่านช่องทางและวิธีที่กำหนด ภายในวันที่ 22 มิถุนายน 2560 1.2) กรมเจ้าท่าจะแจ้งให้ท่านทราบว่า ออกใบอนุญาตให้ได้หรือให้ทำการรื้อถอนภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับแบบการแจ้ง 1.2.1) กรณีออกใบอนุญาตให้ 1.2.1.1) กรมเจ้าท่าแจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองยื่นคำร้องเพื่อขอรับใบอนุญาต พร้อมชำระค่าปรับเพื่อการออกใบอนุญาตในอัตราตารางเมตรละไม่น้อยกว่า 200 บาท แต่ไม่เกินตารางเมตรละ 10,000 บาท1.2.1.2) กรมเจ้าท่าหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่สิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำตั้งอยู่ แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อฟ้องศาล ซึ่งเป็นโทษปรับคำนวณตามพื้นที่ตารางเมตรละไม่น้อยกว่า 500 บาท แต่ไม่เกินตารางเมตรละ 10,000 บาท ไม่มีโทษจำคุก 1.2.1.3) กรมเจ้าท่าจะดำเนินการออกใบอนุญาตให้ภายใน 120 วันนับแต่วันที่ได้รับเอกสารครบถ้วน 1.2.1.4)ผู้รับใบอนุญาตต้องชำระค่าตอบแทนรายปีในอัตราสองเท่าของอัตราตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ฉบับที่ 64 (พ.ศ.2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 โดยไม่ต้องชำระค่าตอบแทนรายปีย้อนหลัง และหากกรณีที่ 1.2.2) กรณีไม่ออกใบอนุญาตให้ 1.2.2.1 กรมเจ้าท่าจะออกคำสั่งให้ทำการรื้อถอนหรือแก้ไขสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้นโดยกำหนดระยะเวลาให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี แต่ไม่น้อยกว่า 30 วัน 1.2.2.2) กรมเจ้าท่าหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่สิ่งปลุกสร้างล่วงล้ำลำน้ำตั้งอยู่ แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อฟ้องศาล โดยมีโทษปรับคำนวณตามพื้นที่ตารางเมตรละไม่น้อยกว่า 500 บาท แต่ไม่เกินตารางเมตรละ10,000 บาท ไม่มีโทษจำคุก 1.2.2.3) หากผู้รับคำสั่งเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของกรมเจ้าท่าหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาที่สิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้นตั้งอยู่ กรมเจ้าท่าจะดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้น โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นของเจ้าของหรือผู้ครอบครองสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำที่ถูกรื้อถอน และมีอำนาจในการห้ามมิให้ผู้ใดใช้อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้นจนกว่าจะมีการแก้ไขหรือรื้อถอนแล้วเสร็จ 2. เจ้าของหรือผู้ครอบครองสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำที่ไม่เคยได้รับอนุญาต หรือเคยได้รับอนุญาตแต่ปลูกสร้างไม่เป็นไปตามรูปแบบที่ได้รับอนุญาตก่อนวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 ไม่ทำการแจ้งต่อกรมเจ้าท่าหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาที่สิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำตั้งอยู่ตามแบบและการแจ้งผ่านช่องทางและวิธีกำหนด ภายในวันที่ 22 มิถุนายน 2560 จะถูกดำเนินการดังนี้ 2.1) กรมเจ้าท่าหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาที่สิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้นตั้งอยู่ จะมีหนังสือแจ้งท่านให้ทำการรื้อถอน หรือแก้ไขสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี แต่ไม่น้อยกว่า 30 วัน 2.2) แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อส่งฟ้องศาล โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับคำนวณเป็นตารางเมตรของพื้นที่ที่ล่วงล้ำลำน้ำ ในอัตราตารางเมตรละไม่น้อยกว่า 1,000 บาท แต่ไม่เกินตารางเมตรละ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ จะต้องถูกปรับเป็นรายวันวันละไม่เกินตารางเมตรละ 20,000 บาท หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้ทำการรื้อถอนหรือแก้ไขจนกว่าจะมีการปฏิบัติตามคำสั่งแล้วเสร็จ 2.3) หากผู้รับคำสั่งเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของกรมเจ้าท่าหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาที่สิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้นตั้งอยู่ กรมเจ้าท่าจะดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้น โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินกรเป็นของเจ้าของหรือผู้ครอบครองสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำที่ถูกรื้อถอน และมีอำนาจในการห้ามมิให้ผู้ใดใช้อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำ ลำน้ำนั้นจนกว่าจะมีการแก้ไขหรือรื้อถอนแล้วเสร็จ 3. ผู้ประสงค์จะทำการปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ต้องดำเนินการขออนุญาตก่อนการดำเนินการ หากฝ่าฝืนดำเนินการปลูกสร้างก่อนได้รับอนุญาต หรือปลูกสร้างไม่เป็นไปตามรูปแบบที่ได้รับอนญาต ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 จะถูกดำเนินการดังนี้ 3.1) กรมเจ้าท่าหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาที่สิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำตั้งอยู่ จะมีหนังสือแจ้งท่านให้ทำการรื้อถอน หรือแก้ไขสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้น ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี แต่ไม่น้อยกว่า 30 วัน 3.2) แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อส่งฟ้องศาล โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีปรับคำนวณเป็นตารางเมตรของพื้นที่ที่ล่วงล้ำลำน้ำ ในอัตราตารางเมตรละไม่น้อยกว่า 1,000 บาท แต่ไม่เกินตารางเมตรละ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ จะต้องถูกปรับเป็นรายวันวันละไม่เกิดตารางเมตรละ 20,000 บาท หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้ทำการรื้อถอนหรือแก้ไขจนกว่าจะมีการปฏิบัติตามคำสั่งแล้วเสร็จ 3.3)หากผู้รับคำสั่งเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของกรมเจ้าท่าหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาที่สิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้นตั้งอยู่ กรมเจ้าท่าจะดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้น โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นของเจ้าของหรือผู้ครอบครองสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำที่ถูกรื้อถอน และมีอำนาจในการห้ามมิให้ผู้ใดใช้อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำนั้นจนกว่าจะมีการแก้ไขหรือรื้อถอนแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ฝากถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงกระชังปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติ ให้มาแจ้งขึ้นทะเบียนได้ที่ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเชียงใหม่ ก่อนวันที่ 22 มิถุนายน 2560 หากแจ้งหลังจากนั้นจะถูกดำเนินการกฎหมายต่อไป หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักกฎหมาย กรมเจ้าท่า โทร. 022-331311-8 ต่อ 252,381 หรือ 026-394772