ทูตจีนยัน ‘ตลาดจีน’ เปิดรับบริษัทสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพแข่งขันสูงสุดต่อไป


วอชิงตัน, 18 ก.ย. ชุยเทียนข่าย เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ กล่าวว่าตลาดจีนจะยังคงเปิดกว้างต้อนรับเหล่าบริษัทสหรัฐฯ ในบางภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่สหรัฐฯ มีความสามารถทางการแข่งขันสูงสุด เช่น พลังงาน การเกษตร และการเงิน
“แน่นอนว่าคำตอบคือใช่” ชุยกล่าวตอบแฮงก์ พอลสัน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการพอดคาสต์ ‘สเตรท ทอล์ก วิธ แฮงก์ พอลสัน’ (Straight Talk with Hank Paulson) เมื่อไม่นานนี้
“เรายังคงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปฏิรูปและเปิดกว้างต่อไป เราจะไม่ยอมแพ้ สำหรับบริษัทอเมริกันและบริษัทต่างชาติอื่นๆ ที่ดำเนินงานในจีน พวกเขาจะเข้าถึงตลาดจีนได้ดีขึ้น ได้รับโอกาสที่ดีขึ้น และสามารถคาดการณ์ตลาดได้มากขึ้น” ชุยกล่าว
“จีนได้ดำเนินนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศตลอดระยะเวลาสี่ทศวรรษที่ผ่านมา และยังคงยึดถือเป็นนโยบายพื้นฐานของรัฐอย่างไม่เปลี่ยนแปลง แม้ช่วงเกิดโรคระบาดใหญ่ทั่วโลก เราได้ริเริ่มมาตรการใหม่ๆ เพื่อการปฏิรูปและการเปิดกว้างในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา”

ชุยยกตัวอย่างกฎหมายการลงทุนระหว่างประเทศ (Foreign Investment Law) ฉบับใหม่ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ปีนี้ว่า “ช่วยเพิ่มความสามารถคาดการณ์ตลาดที่ดียิ่งขึ้นแก่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่นในจีนเพิ่มขึ้น และจีนยังคงสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมหาศาล”
นอกจากนั้นชุยกล่าวว่าจีนได้ประกาศรายการต้องห้ามด้านการเข้าถึงการลงทุนระหว่างประเทศและรายการต้องห้ามสำหรับเขตการค้าเสรีนำร่องประจำปี 2020 ซึ่งรายการเหล่านั้นมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จีนได้จัดทำแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาท่าเรือการค้าเสรีไห่หนาน (ไหหลำ) โดยนับเป็นครั้งแรกที่มีการใช้แนวคิด “ภาษีศุลกากรเป็นศูนย์” (zero tariff) และ “กำแพงภาษีเป็นศูนย์” (zero barrier) ในเอกสารของรัฐบาลจีน
“แต่ปัญหาท้าทายที่สำคัญคือขณะเราพยายามเปิดกว้างมากขึ้น กลับมีบางฝ่ายในพื้นที่อื่นๆ ของโลกพยายามสร้างอุปสรรคกีดกันเรา” ชุยกล่าว “พวกเขากำลังพยายามกีดกันติ๊กต็อก (TikTok) วีแชท (Wechat) และหัวเหวย (Huawei) ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่แท้จริง ทั้งที่เราพยายามเปิดประตูให้กว้างขึ้นแต่พวกเขากลับกำลังสร้างกำแพง แล้วเราควรทำเช่นไร”

“แท้จริงแล้ว ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เราได้เปิดกว้างภาคการเงินยิ่งขึ้น โดยยกเลิกข้อจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศบางประการในภาคธุรกิจการเงิน” ชุยกล่าว
“สำหรับบรรดาบริษัทอเมริกันที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงระดับดีเยี่ยม พวกเขากำลังเพิ่มการลงทุนหรือการดำเนินงานในจีน เช่น เทสลา (Tesla) เป็นตัวอย่างที่ดีเพราะพวกเขาเห็นศักยภาพของตลาดจีน จึงต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน แน่นอนพวกเขาต้องการมีส่วนร่วมและได้รับผลประโยชน์จากสิ่งนี้ เรายินดีต้อนรับพวกเขาทั้งหมดและจะสร้างสภาพแวดล้อมทางการลงทุนจากต่างประเทศที่ดียิ่งขึ้น รวมวางหลักนิติธรรมที่ดียิ่งขึ้น”
ชุยยังกล่าวถึงแนวคิดการพึ่งพาตนเอง (self-reliance) โดยระบุว่าจีนพึ่งพาตนเองมาตลอด 70 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) เมื่อปี 1949 รวมถึงช่วงเวลาสี่ทศวรรษแห่งการปฏิรูปและเปิดประเทศ

“ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งที่บอกว่าจีนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกด้วยการเอาเปรียบผู้อื่นหรือแม้กระทั่งขโมยสิ่งของจากผู้อื่น” ชุยกล่าว พร้อมบ่งชี้คำครหาเยี่ยงนี้ว่า “ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง” สำหรับประชาชนชาวจีน
“ถ้าคุณรู้จักจีนและชาวจีนดี คุณจะรู้ว่าเรามีผู้ที่ทำงานหนัก ผู้มีความคิดสร้างสรรค์สูง และสำหรับประเทศใหญ่ที่มีประชากรถึง 1.4 พันล้านคนเช่นเรา คุณต้องมีจิตวิญญาณแห่งการพึ่งพาตนเองเพื่อพัฒนา มิฉะนั้นคุณจะไม่สามารถบรรลุการพัฒนาได้ ”
“เราพึ่งพาตนเองอยู่เสมอ ไม่ใช่เพื่อปิดประตูแต่เพื่อเปิดประตูให้กว้างขึ้น เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของเราคือการให้ตลาดในประเทศได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ให้ตลาดในประเทศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและดียิ่งขึ้น เพื่อทั้งสองวงจร (ตลาดในประเทศและตลาดระหว่างประเทศ) สามารถเกื้อหนุนซึ่งกันและกันได้”
ข่าว (สำนักข่าวซินหัว)