อำนาจ…พูด ตามผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เยือนนครเซี่ยงไฮ้และเมืองหางโจวจีน(9)

อำนาจ…พูด
ตามผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
เยือนนครเซี่ยงไฮ้และเมืองหางโจวจีน(9)
ภารกิจมัดตัวเพื่อนนักข่าวจากเวียดนามมาเที่ยวหาเป็นการส่วนตัว มัวบริการเพื่อนตอนที่ 9 เลยช้าไปหลายวัน ตอนที่ 8 กลับจากดูงานที่บริษัทอาลีบาบา คณะไปศึกษาเที่ยวชมทะเลสาบซีหู อยู่บริเวณด้านหน้าโรงแรมแชงกรี ล่า นั้นเอง เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ของเมืองหางโจวจัดได้ว่าเป็นทะเลสาบที่มีทัศนียภาพสวยงามแห่งหนึ่งของจีน ความยาว 3.3 กิโลเมตร พื้นที่ 6.5 ตร.กม. สามด้านล้อมรอบด้วยภูเขา มีประวัติให้เล่าขานเป็นตำนานมานานกว่า 2,000 ปี เช่นนิทานพื้นบ้านเรื่องตำนานพญางูขาวอันโด่งดังทั้งนวนิยาย คอนวนิยายจีนติดกันงอม เป็นละครเวทีและสร้างเป็นภาพยนตร์ และทีวีฉายเมื่อ 40-50 ปีก่อนมีผู้ชมติดตามทั้งประเทศจีน ไต้หวัน ฮ่องกงไทย และนวนิยายน่าแปลหลายภาษา รวมทั้งมีเรื่อง ม่านประเพณี ,ปลาท่องโก๋ เป็นต้น ปลาท่องโก๋ มีประวัติความเป็นมาตอนท้ายนี้
มีนักกวีชื่อดังหลายรุ่นต่างพากันมาสยบความงาม จดปลายพู่กันร่ายลีลาชื่นชมในความงาม รุ่นแล้วรุ่นเล่า หลายคนดูดด่ำกับความงาม ลืมความทุก สุข โศก มาสิ้นชีวิตที่นี่
ด้วยมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมตลอดจนทิวทัศน์สวยงามมากมาย ได้รับการลงทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลก เมื่อปี พ.ศ.2554 ในชื่อ ภูมิทัศน์วัฒนธรรมทางทะเลสาบตะวันตกในหางโจว
คณะได้ลงเรือล่องทะเทสาบซีหู ต่างซึมซาบความงามที่ไม่ไกลสายตานักสัมผัสสองฝั่งเขาเรียงรายสูงต่ำ แต่ละลูกต่างมีประวัติบันทึกเล่าขาน สู่กันรุ่นต่อรุ่นโดยเฉพาะเมื่อผ่านเจดีย์นางพญางูขาวที่ไกด์ชาตรีเล่าตำนานให้ฟัง หากจะเล่าคงใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3 ตอนไม่ไหวแน่ สนใจจริงหานิยายจีนอ่านได้หรือหาหนังเก่าดูทางยูทูป ช่วงหนึ่งเรือแล่นผ่านเจดีย์สามองค์ลอยโผล่กลางน้ำสูงประมาณ 3 เมตร ไกด์ชาตรีเล่าว่ามีการเล่าต่อๆกันมาหลายชั่วอายุคน ไม่มีใครสร้างเจดีย์ทั้งสามองค์ อยู่ดีๆตื่นเช้าขึ้นมาก็ลอยโผล่ขึ้นมาให้เห็นชาวบ้านแปลกใจตามๆกัน ชาวเมืองเลยจัดให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำมณฑลเจ้อเจียงและของชาติไปด้วย จะมีคนมากราบไหว้เป็นประจำ เพื่อขอพรกัน ผมจึงยกมือไหว้ขอพรด้วย คุณนายมลธิดา ก็บอกพ่อๆขอพรสิ หมายถึงท่านผู้ว่าฯปวิณ เจดีย์ทั้งสามองค์น่าจะมีความสำคัญจริง ทำให้รัฐบาลจีนใช้รูปเจดีย์สามองค์ลงประกอบธนบัตรใบละ 1 กั๊ก 10 กั๊กเท่ากับ 1 หยวน
ตอนเป็นเด็กผมเคยดูหนังนางพญางูขาว จำเนื้อหาสาระไม่ค่อยได้แล้ว แต่เมื่อได้รับการฟื้นความหลัง ประกอบไกด์ชาตรีชี้เจดีย์นางพญางูขาวประกอบการเล่า ทำให้เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ด้วยความเพลิดเพลินบันเทิงใจ กับธรรมชาติรอบข้างไม่ว่าใกล้ตัวไกลออกไป ประกอบอากาศเย็นสบาย ล่องเรือประมาณ 1 ชั่วโมงเร็วเหมือน 10 นาที ทำเอาคุณนายมลสุดา บ่นทำไมเร็วจัง วนกลับอีกครั้งไม่ได้หรือ
เมื่อขึ้นฝั่งเดินประมาณ 100 เมตรก็ถึงโรงแรมแชงกรี ล่า เอาอีกแล้วครับ ผู้จัดการโรงแรมนำพนักงานมาตั้งแถวรอรับอีก พร้อมนำพาเย็น และมอบน้ำดื่มคนละขวด ต้องชื่นชมผู้จัดการฝรั่งคนนี้ บริการประทับใจจริงๆ คณะกลับมาโรงแรมเพื่อทานอาหารกลางวัน มื้อนี้ทางโรงแรมจัดอาหารเต็มรูปแบบถึง 18 อย่าง ทานจานละคำก็อิ่มแปล้แล้ว ที่แน่นอนใน 18 อย่างคือต้มหมูพ้ง ทุกมื้อต้องมีหมูพ้ง ทำให้ผมอยากรู้ประวัติความเป็นมาของหมูพ้ง
ไกด์ชาตรีเล่าว่าสมัย 2000 ปี เจ้าเมืองเจ้อเจียงบริหารแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ปกครองประชาชนอยู่ดีมีสุข เป็นที่รักไคร่ของประชาชน เปรียบได้เท่าเปา ปุ้นจิ้น เจ้าเมืองคนนี้ชื่อซูตงพ้ง หรือซูตงโพความทราบถึงกษัตริย์จากเมืองหลวง เกรงว่าเจ้าเมืองจะเป็นอันตรายต่อราชวงศ์ และมีคู่แช่งประกอบกับบรรดาขุนนางต่างใส่ร้ายให้จัดการซูตงพ้งเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนาม จึงส่งขันทีและทหารไปเมืองเจ้อเจียงให้ไปจัดการหาความผิดในการบริหารราชการ ซูตงพ้ง ให้ได้ ระหว่างเข้าเมืองมาขันทีได้สอบถามนำชาวบ้านตลอดรายทาง ว่าซูต้งพ้ง รังแกชาวบ้าน มีการขูดรีดข่มขู่ และคอรัปชั่นใช่ไม่ ถามคนแล้วคนเล่าทุกคนต่างตอบตรงเป็นเสียงเดียวกันท่านเป็นคนดี ปกครองบ้านเมืองประชาชนเป็นสุขกันทั่วหน้า
ขันทีและทหารผิดหวังจนใจจะเอาความผิดได้ แต่เมื่อผ่านไปร้านอาหารทุกร้านจะเห็นเขียนเมนูแนะอาหารพิเศษ ต้มหมูพ้ง ขันทีและทหารคิดได้ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็รวมหัวคิดใส่ร้ายเจ้าเมืองว่าบังคับขู่เข็นประชาชนให้ตั้งชื่อเมนูอาหารเป็นชื่อตัวเองทุกร้าน คือไม่ได้ด้วยเล่ห็ก็ได้ด้วยกลโกง
จึงรายงานความเท็จไปทางเมืองหลวง จักรพรรดิ ได้ฟังรายงานยิ่งโมโหจัด สั่งย้ายขุนนางซูตงพ้งไปปกครองเมืองเล็กๆในชนบท ที่อยู่ห่างไกลมีหิมะตกตลอดปี ทำให้ประชาชนชาวเมืองเจ้อเจียงไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ซูตงพ้ง เสียใจมากที่ทำดีไม่ได้ดี ทำให้ตรอมใจตายภายในเวลา 2 ปี
ชาวเมืองเจ้อเจียเมื่อทราบข่าวว่า ซูตงพ้ง ตายจากการตรอมใจที่ถูกกลั่นแกล้ง ต่างพากันออกมาสาปแช่ง และนำแป้งมาปั้น 2 แผ่น ประกบกันแล้วนำไปทอด สาปแช่งจักรพรรดิให้ตกตายในกระทะน้ำมัน ชาวเมืองทำกันอย่างนี้ทุกบ้าน เพื่อให้หายแค้นกินแป้งทอดที่หมายถึงจักรพรรดิด้วยความสะใจ เป็นที่มาของปาท่องโก๋ในวันนี้ ส่วนหมูพ้ง เพื่อยกย่อง ซูตงพ้ง ก็ยังเรียกชื่อต่อไป เป็นที่มาใครถึงมณฑลเจ้อเจียง หากไม่ได้กินหมูพ้งก็ไปไม่ถึงเจ้อเจียง หมูพ้งจึงมีประวัติความเป็นมาถึงสองพันปี เป็นอาหารพื้นบ้านจริงๆ
หมูพ้งใช้หมูสามชั้นเป็นหลัก เมื่อวางขึ้นโต๊ะกับตันหรือเชฟจะบอกว่ากินเพื่อสุขภาพ รสชาติอร่อยออกไปทางหวานนิดๆ สันนิษฐานว่าเครื่องปรุงคงเป็นสมุนไพรจีน คล้ายๆแกงฮังเล หรือต้มขาหมูบ้านเรา ผมถามว่ากินหมูสามชั้นถึงจะอร่อยก็จริง แต่นั้นมันทั้งนั้น ก็ได้รับคำตอบว่าวิธีทำเขาได้ต้มรีดน้ำมันออกหมดแล้วถึงนำไปต้มปรุงเครื่องยา
ผมเห็นเขานำหมูพ้งขึ้นทุกโต๊ะทุกมื้อ ทุกร้าน ทุกภัตตาคาร แม้แต่อาหารเช้าโรงแรมก็ยังมีหมูพ้ง คือชาตินิยมอาหารพื้นบ้านของเขาจริงๆ เราน่าจะนำข้าวซอย หรือแกงฮังเลขึ้นโต๊ะเป็นไฟต์บังคับร้านอาหารภัตตาคารน่าจะดี จะทำหรือไม่ทำสุดแล้วแต่ เป็นเพียงข้อเสนอครับ คิดว่าจะจบแค่ 9 ตอนเท่านั้น แต่ยังจบไม่ได้ เนื่องจากไปไม่ถึงคณะเชียงใหม่ เข้าคารวะผู้ว่าการมณฑลเจ้อเจียง
อ่านต่อ ตอน 10