“มหกรรมอาหารรักษ์ป่า คนในเมืองช่วยดูแลป่าได้
มูลนิธิรักษ์ไทย ร่วมกับองค์กรเครือข่าย จัดงาน มหกรรม อาหารรักษ์ป่าขึ้น ในระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2559 ที่ลานก้ามปู โครงการจริงใจ มาร์เกต อำเภอเมือง เชียงใหม่ เพื่อสร้างความตระหนักและความเข้าใจต่อผู้บริโภคในเมืองเชียงใหม่ ในเรื่องการร่วมกันดูแลป่า
นางศรินทิพย์ พรหมฤทธิ ผู้ประสานงานโครงการมูลนิธิรักษ์ไทย กล่าวว่า “ในช่วงระยะ 5-7 ปีหลังนี้ ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติค่อยๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เว้นแม้แต่ แม่น้ำปิง สาเหตุหนึ่งมาจาก ความสมบูรณ์ของพื้นที่ต้นน้ำกำลังลดน้อยถอยลง เพราะพื้นที่สูงกลายเป็นแหล่งผลิตพืชผักเศรษฐกิจสำคัญหลากหลายชนิด ได้แก่ กะหล่ำ หอมแดง มะเขือเทศ พริก และข้าวโพด
การผลิตพืชเศรษฐกิจเหล่านี้ใช้ระบบกู้ยืมปัจจัยการผลิตทั้งหมด ทำให้เกษตรกรต้องแบกรับความเสี่ยง ไม่ว่าจะปัญหาโรคแมลง สภาพอากาศ หรือราคาตลาดที่ผันผวน ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกร ตกอยู่ในภาวะหนี้สินเพิ่มพูนและนำไปสู่การเพิ่มพื้นที่ปลูกเพื่อหาเงินใช้หนี้”
นางศรินทิพย์กล่าวต่อไปว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทางมูลนิธิรักษ์ไทย ได้เข้าไปทำงานในพื้นที่ต้นน้ำ และส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเกษตรบนพื้นที่สูง ให้เป็นเกษตรที่พึ่งพาเงินทุนและปัจจัยภายนอกต่ำ พร้อมกับพัฒนาระบบ เกษตรที่ใช้น้ำน้อยรับมือกับภัยแล้งที่ทวีความรุ่นแรงขึ้น ผลผลิตที่ได้ อาทิ ข้าวไร่ พริกกะเหรี่ยง พืชผัก หมูดอย เป็นต้น แต่ปัญหาคือ ผลผลิตจากระบบเกษตรที่อิงกับฐานทรัพยากรนั้นไม่มีระบบตลาดรองรับ
“เราคิดว่าต้องสร้างตลาดและเชื่อมโยงชุมชนกับตลาด เพื่อให้การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บนพื้นที่สูงสามารถเกิดขึ้นได้จริง ซึ่งไม่เพียงจะส่งผลดีต่อความสมบูรณ์และยั่งยืนของทรัพยากรบนพื้นที่ต้นน้ำเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อธรรมชาติและผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลายน้ำด้วย ไม่ว่าจะเป็นความสมบูรณ์และปลอดภัยของน้ำ อากาศที่ ปราศจากหมอกควันจากการเผากำจัดวัชพืช และพืชอาหารที่ปลอดภัย”
มูลนิธิรักษ์ไทย จึงร่วมกับองค์กรเครือข่าย ซึ่งประกอบด้วย เครือข่ายต้านโลกร้อน สมาคมศูนย์ร่วมการศึกษาและวัฒนธรรมชาวไทยภูเขาในประเทศไทย-IMPECT หน่วยงานพัฒนาและบริการสังคม สภาคริสจักรในประเทศไท-CCT มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา และ เชฟน้อย กินเปลี่ยนโลก จัด มหกรรมอาหารรักษ์ป่าขึ้น ที่ลานก้ามปู โครงการจริงใจ มาร์เก็ต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 7-8 พฤษภาคม 2559 โดยในวันที่ 7 พค. งานจะเริ่มตั้งแต่เวลา บ่ายโมง ไปจนถึงสองทุ่ม ส่วนวันที่ 8 พค. งานจะเริ่มตั้งแต่ 9 โมงเช้า ไปจนถึง บ่ายสามโมง
“วัตถุประสงค์คือเราต้องการสร้างความตระหนักและความเข้าใจต่อผู้บริโภคในเมืองเชียงใหม่ ในเรื่องการร่วมกันดูแลป่า และสนับสนุนให้เกิด ช่องทางตลาด สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยสร้างรายได้ทดแทนรายได้จากการปลูกพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยวที่ก่อให้เกิดปัญหา การสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาหมอกควันและการชะล้างพังทลายของดินบนพื้นที่สูง”
กิจกรรมในงานประกอบด้วย การจัดให้ชิมเมนฺอาหารที่ทำจาก ข้าวดอย อาหารบุฟเฟต์ ราคาประหยัด จากพืชผักและเนื้อสัตว์ท้องถิ่นที่ผลิตจากพื้นที่สูง โดยฝีมือแม่ครัวจากชุมชนในเมือง แม่ครัวโฮ.เฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา และทีมงานเชพน้อยกินเปลี่ยนโลก มีการสาธิตการทำอาหาร เมนูหลากหลายจากข้าวดอย ข้าวพันธุ์ท้องถิ่น ที่มีจุดเด่นเฉพาะตัว ทั้งความนุ่ม หอม และหลากหลายสีสัน สาธิตการทำน้ำพริกสูตรต่างๆ จาก พริกกะเหรี่ยง และน้ำพริกหลากหลายชนิดจากกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง การแสดงดนตรีโฟล์คซอง และดนตรีพื้นเมืองของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น ม้ง กะเหรี่ยง อาข่า ฯลฯ งานแสดงนิทรรศการภาพถ่าย ภาพเขียน และเรื่องเล่าจากผู้หญิงต้นน้ำ ร้านขายสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากผู้หญิงต้นน้ำ ทั้งอาหารท้องถิ่น พืชผัก สมุนไพร ของหากินยาก ผ้าภูมิปัญญาหลากหลายชนเผ่า งานจักสาน จากดอยสูง จำหน่ายและให้ชิมกาแฟจากดอยสูง ซึ่งเป็นกาแฟสดคั่วบดใหม่ จากผู้ปลูกถึงมือคน จากดอยม่อนล้าน ดอยอินทนนท์ ดอยม่อนจอง ดอยภูแว-ภูพยัคฆ์ ฯลฯและ ร่วมฟังเวทีเสวนาการสนับสนุนกลุ่มอาชีพสตรีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ต้นน้ำ
“เราคาดหวังว่า นอกจากการมาจับจ่ายสินค้าเพื่อให้เกษตรกรเกิดรายได้แล้ว ผู้บริโภคในเมืองเชียงใหม่จะตระหนักว่า ตนเองสามารถช่วยดูแลป่าได้อย่างไร ซึ่งนั่นจะทำให้ เกิดเครือข่ายผู้บริโภคที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากผู้หญิงชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง และช่วย สร้างรายได้ทดแทนรายได้จากการปลูกข้าวโพด ที่เป็นต้นตอของปัญหาหมอกควันและ การชะล้างพังทลายของดินบนพื้นที่สูงด้วย” นางศรินทิพย์ กล่าวย้ำ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
คุณทัศน์ชัย อัครวงศ์วิริยะ โทร 081-952-2915
คุณศรินทิพย์ พรหมฤทธิ โทร 081-883-5605