เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันผลผลิตลำไยในฤดูกาลที่กำลังจะออกมาในปี 60 จะไม่มีปัญหาราคาตกต่ำเหมือนที่เคยเกิดขึ้น
เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันผลผลิตลำไยในฤดูกาลที่กำลังจะออกมาในปี 60 จะไม่มีปัญหาราคาตกต่ำเหมือนที่เคยเกิดขึ้น โดยตั้งเป้าบริหารจัดการผลผลิตลำไยในฤดูทั้งหมด 134,106 ตัน พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนในการกระจายผลผลิต เพื่อลดปริมาณผลผลิตลำไยไม่ให้ล้นตลาด

ที่ ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายประมวล เครือมณี หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า แนวทางการบริหารและจัดการลำไยของจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2560 ซึ่งลำไยเป็นไม้ผลเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ โดยสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรปีละหลายร้ายล้านบาท โดยพื้นที่การเพาะปลูกลำไยในจังหวัดเชียงใหม่มีจำนวน 312,985 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ให้ผลผลิต 297,443 ไร่ มีพื้นที่ที่เพาะปลูกสำคัญ ได้แก่ อำเภอจอมทอง พร้าว สันป่าตอง สารภี และอำเภอดอยหล่อ โดยคาดการว่าจะมีปริมาณผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดจำนวนกว่า 250,000 ตัน เป็นผลผลิตในฤดูกาลช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายนจำนวนกว่า 134,000 ตัน และผลผลิตนอกฤดูกาลในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน และตุลาคมถึงธันวาคมจำนวนกว่า 120,000 ตัน ซึ่งในเดือนสิงหาคมผลผลิตลำไยจะออกมามากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 31.39 หรือเกือบ 80,000 ตัน สิ่งที่น่าห่วงคือ ในช่วงวันที่ 10 สิหาคมถึง 30 สิงหาคม จะเป็นช่วงที่ลำไยของทั้งจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูนออกพร้อมๆกัน
ทั้งนี้ ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตทางการเกษตรระดับจังหวัด หรือ คพจ. และบริษัทประชารัฐ รักสามัคคีเชียงใหม่ จำกัด กลุ่มผู้ผลิตลำไยแปลงใหญ่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตและแปรรูปลำไย ได้ร่วมวางแผนบริหารจัดการลำไย เพื่อแก้ไขปัญหาลำไยล้นตลาดและราคาผลผลิตตกต่ำ โดยมีเป้าหมายบริหารจัดการผลผลิตลำไยในฤดูทั้งหมด 134,106 ตัน โดยจะใช้กลไกตามการตลาดในการซื้อขายปกติ ซึ่งส่วนมากจะเป็นความต้องการนำลำไยมาแปรรูป ทั้งในรูปแบบของโรงงานกระป๋อง โรงงานการแปรรูปอบแห้ง (อบแห้งทั้งเปลือก / อบแห้งสีทอง) และอีกส่วนหนึ่งจะใช้กลไกกระตุ้นการบริโภคลำไยสด ซึ่งมีทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยคณะทำงานได้ร่วมกันวางแผนในการกระจายผลผลิต เพื่อลดปริมาณผลผลิตลำไยไม่ให้ล้นตลาด และเป็นการป้องกันไม่ให้ราคาลำไยตกต่ำ โดยร่วมกับบริษัทประชารัฐในการประสานกับห้างโมเดิร์นเทรด องค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย (อต.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ช่วยรับซื้อผลผลิตลำไยจากเกษตรกรและช่วยกระจายผลผลิตไปสู่ผู้บริโภค โดยผ่านเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลำไยแปลงใหญ่ มีการวางแผนเพิ่มจุดจำหน่ายลำไยตามสถานบริการต่างๆ เช่น ปั้มน้ำมันปตท. เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี สหกรณ์การเกษตร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตและแปรรูปลำไย มาช่วยในการรับซื้อและกระจายผลผลิตลำไยอีกด้วย โดยคาดว่าผลผลิตลำไยในฤดูกาลที่กำลังจะออกมานี้ จะไม่มีปัญหาราคาตกต่ำเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2557 อย่างแน่นอน