ค่าแรงเพิ่ม กระทบผู้ประกอบการ 100% หรือไม่ !!!!
หลังจากผ่านพ้นช่วงประเพณีสงกรานต์สิ้นเดือนเมษายน ใกล้กับวันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันสำคัญสำหรับแรงงานไทย ตามที่ได้มีกระแสเรียกร้องจากกลุ่มแรงงานไปถึงกระทรวงแรงงาน ที่ต้องการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นจาก 300 บาท เป็น 360 บาทต่อวัน เหตุถามว่าทำไมต้องขึ้นค่าแรง เป็นที่ทราบกันดีว่าทุกครั้งที่มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ราคาสินค้า บริการแทบทุกอย่างจะรีบถีบตัวสูงขึ้นไปด้วย จนท้ายที่สุดผู้ใช้แรงงานแทบจะไม่มีเงินเหลือเก็บ ถึงเงินจะเพิ่มขึ้นแต่ราคาสินค้าก็ขึ้นตาม มองดูแล้วแทบไม่ต่างจากที่เป็นอยู่เลย การขอปรับค่าแรงเพิ่ม 20 % ในช่วงเศรษฐกิจที่ยังไม่มีความแข็งแกร่งพอ อาจจะส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่ว่าจะเล็ก กลาง ใหญ่ ขนาดไหนก็คงคิดหนักในเรื่องการจ้างแรงงาน กระผมเองก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใคร่ควรพิจารณาให้ดี ซึ่งคนที่ต้องเดือนร้อนที่สุดคือพี่น้องประชาชนที่ใช้แรงงาน จึงอยากให้มองอย่างรอบคอบ และรอบด้านถึงผลที่จะตามมาให้ลึกซึ้ง ดีกว่าปล่อยให้คนว่างงานตกงาน จนเกิดมิจฉาชีพเต็มบ้านเต็มเมือง
ข้าว ปลา อาหาร เป็นของสำคัญ ต้องเลี้ยงชีพเพิ่มแรงต่อสู้กับชีวิต แต่ตอนนี้ค่าแรงที่น้อยนิดของกลุ่มผู้ใช้แรงงานเกือบจะต้องประทังชีวิตกับหัวเผือก หัวมันแทน ข้าวก็แพง น้ำก็แล้ง อาหารก็ไม่อุดมสมบูรณ์ อย่างที่เคยเป็นมา รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการใดที่สามารถช่วยกลุ่มใช้แรงงานเหล่านี้ได้บ้าง
แต่มองย้อนกลับไปว่าผู้ประกอบการจะมีผลกระทบถึง 100 % นั้นคงไม่มีห้าง ร้าน บริษัท ไหนกล้าตอบคงจะมีเพียงสถานประกอบการเล็กๆ หรือที่เปิดธุรกิจใหม่ เมื่อมีการขยับค่าแรงขึ้น 20 % จาก 300 บาท อาจจะมีผลต่อค่าจ้างในส่วนของงบประมาณด้านการว่าจ้างพนักงานของแต่ละบริษัท อีกประมาณ 5 – 10 % ขึ้นอยู่ว่าลูกจ้างแต่ละสถานประกอบการมีลูกจ้างมากน้อยเพียงใด
ที่สำคัญรัฐสามารถช่วยสถานประกอบการได้มากน้อยแค่ไหน ไม่หยั่งนั้นคงต้องปิดกิจการเป็นแถวๆ ไปตามกัน คนตกงานก็จะสูงขึ้น แล้วอะไรจะเกิดกับสังคมไทยขึ้นอีก……คิดกันเอานะครับ
ตราชั่ง สีทอง เป็นกำลังใจให้กับผู้ใช้แรงงานทุกท่าน และก็อยากเห็นการดูแลแรงงานที่เป็นระบบ และมีแบบแผนยั่งยืน พร้อมสวัสดิการของรัฐ ควบคู่กับการบริหารจัดการให้ราคาสินค้า และบริการสำคัญต่อการดำรงชีวิต ให้เหมาะสมกับพี่น้องชาวแรงงาน