อำนาจ..พูด ตามคณะผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เยือนนครเซี่ยงไฮ้และเมืองหางโจวจีน(10) อวสาน

อำนาจ..พูด
ตามคณะผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
เยือนนครเซี่ยงไฮ้และเมืองหางโจวจีน(10) อวสาน
พูดมากไปคนมักจะเบื่อ ก็ต้องขอจบในตอนที่ 10 นี้ หลังรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมแชงกรี ล่า มื้อนี้ถือว่าพิเศษจริงๆพออาหารเสิร์ฟจาน เชฟ (Chef) ก็อธิบายสรรพคุณแต่ละจานให้ฟัง แล้วก็ยกไปให้คุณนายมลสุดา บันทึกภาพเก็บไว้
อิ่มหน่ำสำราญพอมีเวลาที่จะไปชมถนนคนเดิน(ย่านขอประทานโทษจำชื่อย่านไม่ได้) เนื่องจากสมองเออเล่อร์ไปแล้ว เวลาผ่านไปร่วม 14 วันกว่าจะถึงตอนนี้ เลยลืมเนื่องจากการเขียนผมใช้เป็นการพูด..ของผมบันทึกความจำไว้ในสมองไม่ค่อยจดใส่สมุด โดยปกติแล้วผมจะพูดผ่านเฟซบุ๊กในกลางคืน กล่าวคือพบเห็นอะไรในตอนกลางวันมา แล้วก็ไปนั่งเขียนในตอนกลางคืนเป็นจบแล้วไม่ต้องจำอีก แต่ครั้งนี้ทั้งระบบเฟซบุ๊ก ระบบไลน์ ใช้ไม่ได้ในเมืองจีน ทำให้เซ็งเลยต้องเก็บทุกเรื่องไว้ในสมองแล้วมาค่อยๆเขียนที่เชียงใหม่ พอนานเข้าเลยหลงลืมบ้าง
เป็นอันสรุปว่าถนนคนเดินเมืองหางโจวอยู่ในย่านเมืองเก่า มีตึกอาคารบ้านเรือนสองฝั่งถนนซึ่งแต่ละหลังอายุไม่ต่ำกว่า 150 ปีเป็นตัวชูโรง สำหรับขายสินค้าทั่วไปในร้านมีทุกอย่าง คล้ายถนนคนเดินบ้านเรา แต่ของเขามีเสน่ห์ตรงที่มีอาคารเก่าเป็นตัวดึงดูด และปิดถนนไม่ให้รถวิ่ง เป็นถนนคนเดินทุกวัน ชาวบ้านก็ชอบ เนื่องจากได้ขายของทุกวัน ตรงกลางถนนก็จัดเป็นแผงๆ สำหรับพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป แต่เขาสร้างแผงหรือบูทให้กลมกลืนกับอาคารเก่าสองฝั่งถนน ทำให้ดูเป็นระเบียบสวยงามดี ใช้เวลาเดินชม 2 ชั่วโมง ส่วนมากไม่ได้ใช้เงินเลย กลับมาขึ้นรถมือเปล่ากันแทบทุกคน ขนาดคุณนายมลสุดาอยากจะได้ของฝากยังกลับมามือเปล่าด้วย
จากถนนคนเดิน เดินทางต่อไปยังที่ทำการมณฑลเจ้อเจียง เพื่อเข้าพบรักษาการผู้ว่าการมณฑลเจ้อเจียง ต้องยอมรับจีนที่ทำการของรัฐบาลทุกแห่งใหญ่โตและก็หรูด้วยคือระดับอลังการณ์งานสร้างนั้นแหละ เขานัดเวลา 17.00 น. คณะผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ไปถึงก่อน 15 นาที เขาจัดให้เข้าห้องพักรับรองชั้น 1 ก่อน จัดชาขึ้นชื่อของเจ้อเจียงให้ดื่มก่อน เป็นชาเขียวร้อนดื่มแล้วชุ่มคอดี ผมชอบดื่มชาอยู่แล้ว ยกดื่มเอายกดื่มเอา เจ้าหน้าที่ต้องมาเติมให้ตลอด คงสังเกตเห็นว่าผมชอบ ดื่มแล้วท้องไม่ผูก กลับดีรีดไขมันจากการกินหมูพ้งสามชั้นมื้อกลางวันไปได้
ได้เวลานัดหมายเจ้าหน้าที่พาขึ้นลิฟท์ไปห้องรับแขกชั้น 5 เป็นห้องใหญ่ตกแต่งสวยดี ผมหากินกับข่าวไปศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เปิดมาไม่เคยไปเข้าห้องรับรองแขกบ้านแขกเมืองของจังหวัดเชียงใหม่จะหะหรูหะหราเหมือนของเขาหรือเปล่า ก็ไม่รู้ว่างๆคงต้องไปแอบดู แล้วจะได้นำมาพูด..เล่าสู่กันครับ นั่งรอสักพักท่านรักษาการผู้ว่ามณฑลเจ้อเจียง ก็เข้ามาพบท่านชื่อ หยวน เจี่ยจุน เป็นคนหนุ่มน่าจะ 50 ต้นๆ จับมือกับผู้ว่าฯปวิณ คุณนาย และคณะทุกคน แล้วก็เชิญนั่งประจำที่ซึ่งเขียนชื่อติดไว้ให้ทุกคน ท่านไม่พูดพล่ามทำเพลงกล่าวต้อนรับคณะพวกเราที่มาเยือน และก็แนะนำความเป็นมาของเจ้อเจียง ว่ามีประชากรทั้งหมด 51 ล้านคน มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัย 50,000 ปีโดยพบร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่เป็นซากปรักหักพังของสิ่งปลูกสร้างในสมัยยุคหินใหม่กว่า 100 แห่ง ประกอบอารยธรรมเห่อหมู่ตู้ 7,000 ปี อารยธรรมหม่าเจียปัง 6,000 ปี อารยธรรมเหลียงจู่ 5,000ปี หางโจวเป็นเมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียงจัดเป็น 1 ใน 7 เมืองหลวงเก่าจีนในสมัยราชวงศ์หนานซ่ง ท่านกล่าวโดยภาพรวมว่ามณฑลเจ้อเจียงมีความสัมพันธ์ด้านธุรกิจการค้าละวัฒนธรรมกับไทยมาแล้ว ปัจจุบันมีนักธุรกิจไปลงทุน 122 ราย เป็นมูลค่า 878 ดอล่าร์สหรัฐ และคงจะต้องมีการร่วมมือต่อไป เจ้อเจียงมีความเจริญก้าวหน้ามาแต่โบราณ จนถึงปัจจุบัน เป็นเมืองธุรกิจ การค้าการลงทุนอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวมีธรรมชาติสวยงาม มีวัฒนธรรมหลายชนเผ่า และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
ผู้ว่าฯปวิณ กล่าวตอบขอบคุณท่านรักษาการผู้ว่าการมณฑลเจ้อเจียงที่ให้การต้อนรับคณะจากจังหวัดเชียงใหม่ เป็นอย่างดี และได้เล่าประวัติความเป็นมาจังหวัดเชียงใหม่ เล่าเรืองวัฒนธรรมประเพณี และด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว โดยขอเชิญชวนนักธุรกิจจีนไปลงทุนที่เชียงใหม่ พร้อมกับเชิญชวนนักท่องเที่ยวไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วย ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมเสนอตัวเข้าสู่การเป็นมรดกโลก ต่อองค์การยูเนสโก ทราบว่าเจ้อเจียงได้เป็นมรดกแล้วในด้านนี้ จึงขอความร่วมมือและปรึกษาเพื่อทำงานร่วมกัน รักษาการผู้ว่าฯเจ้อเจียง ตอบว่ายินดีให้ความร่วมมือกับทางจังหวัดเชียงใหม่ และทั้งสองเมืองต้องร่วมมือด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม การท่องเที่ยวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยให้มีการส่งเจ้าหน้าที่หาประสบการณ์ร่วมกัน
ค่ำวันเดียวทางมณฑลเจ้อเจียงได้จัดเลี้ยงตอนรับ ด้วยเวลามีน้อยใช้เวลาเพียงชั่วโมงนิดๆ เนื่องจากมีโปรแกรมไปชมการแสดงละครกลางน้ำ ซึ่งเป็นการแสดงแสง สี เสียง ที่ตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจในบริเวณทะเลสาบซีหูนั้นเอง โดยเวทีลอยน้ำมีขนาดกว้างและยาวกว่า 200 เมตร เท้าของผู้แสดงทุกคนจะเหยียบผิวน้ำเหมือนว่าแสดงบนผิวน้ำ แต่ละฉากมีผู้แสดงเป็นร้อยถึงหลายร้อยคน จัดได้ว่าเป็นการแสดงขึ้นชื่อมากระดับไฮไลท์ของเจ้อเจียงใครมาแล้วไม่ได้ชม ต้องกลับมาชมใหม่ถึงจะถึงหางโจว เจ้อเจียง
พูดวกไปวกมา หางโจว คือเมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียง ต้องจำตรงนี้ครับ ไกด์ชาตรี เล่าว่ารักษาการผู้ว่าการมณฑลเจ้อเจียง มาจากเมืองอื่นมีชื่อเสียงเป็นคนเก่งมาก ทั้งด้านการบริหารและการปราบปราม ได้รับความไว้วางใจให้มาเป็นผู้ว่าเจ้อเจียง แต่คำสั่งยังไม่เป็นทางการ จึงใช้คำว่ารักษาการไปก่อนคือผู้ว่าตัวจริงนั้นแหละ คนที่มาเป็นผู้ว่ามณฑลเจ้อเจียง ส่วนมากมีอนาคตไกลได้ไปบริหารระดับประเทศ คือเป็นรัฐมนตรีกัน อดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน ก็เคยเป็นผู้ว่าการมณฑลเจ้อเจียงมาแล้ว
วันนี้มีกิจกรรมทั้งวัน กว่าจะกลับโรงแรมปาเข้าเกือบ 4 ทุ่ม เดินขึ้นล็อบบี้โรงแรม เจออีกแล้วผู้จัดการโรงแรมยังไม่ไปหลับไปนอนพักผ่อน นำเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับอีก มันจะอะไรขนาดนั้น บริการวีไอพี สุดจะประทับใจจริงๆ จนพวกเราเขินเอา
เช้าวันใหม่วันที่ 25 พค.พบกันบนโต๊ะอาหารเช้า ตามเคยผู้จัดการฝรั่งนำพนักงานมายืนคอยต้อนรับหน้าห้องอาหารอีก ผมว่าตามสบายครับ ให้คอยต้อนรับท่านผู้ว่าฯและภริยาดีกว่า ฝรั่งยกมือไหว้ขอบคุณครับ เอาวัฒนธรรมไทยมาใช้เลยฝรั่งคนนี้ ผมเป็นเจ้าของจะจ้างจนตายเลย
คุณสุธน วิชัยรัตฯ ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา คุณธวัช ใสสม หน.กลุ่มพัฒนาชุมชน และคุณเดโช ไชยทัพ กก.ผจก. บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีเชียงใหม่ จำกัด นั่งทานอาหารด้วยกัน ทั้งสามท่านถามผมว่าเมื่อคืนหลับสบายดีหรือ มีใครมารบกวนอีกหรือเปล่า ผมตอบว่าก่อนนอนผมเปิดไฟทุกดวง และเปิดทีวีเสียงดังด้วย พร้อมกับประกาศท้าผีว่า คืนนี้มาเลย มาฮื้อหันกันจะๆ แล้วอู้กันฮื้อฮู้เรื่อง จะเอาอะหยังก็อู้มา บ่ต้องลับๆล่อๆ เปิดไฟหันหน้าใส่กั่นเลย อู้จบผมก็หลับ รอดูว่าจะมีใครเสนอหน้ามาหาตามคำท้า พร้อมอยู่แล้วไฟสว่างเหมือนกลางวันมาเลยไม่กลัวเลย มาตื่นเอาเช้านี้ เสียงก๊อกๆ เสียงแก๊กๆ หายไปเลย นึกในใจไม่แน่จริงนี่หว่า..
ทำเอาทั้งสามท่านหัวเราะอู้กำเมืองใส่ผี มันจะฮู้เรื่องหรือ ผมว่ามันเป็นผีต้องฮู้ ถ้าบ่ฮู้เรื่องเสียงคืนนี้ทำไมมันดักแส๊บ..เป็นเรื่องเล่าสนุกบนโต๊ะอาหารครับ อย่างไรก็ตามคุณธวัช แนะผมว่ากลับไปให้ซื้อหวยหมายเลขห้องพัก คนอื่นไม่โดนหลับสบายกัน แต่พี่อำนาจ โดนคนเดียวเขาเอาโชคมาให้ ผมบอกว่าจะกลับไปซื้อหวยหากถูกรางวัลที่ 1 จะพาคณะกลับมาเที่ยวหางโจวอีกครั้ง ปรากฏว่าโดนครับ โดนรัฐบาลกินเรียบ
คณะเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมผู้จัดการฝรั่งนำพนักส่งขึ้นรถตามเคย พร้อมกับยกมือไหว้ อวยพรให้พวกเราเดินทางโดยสวัสดิภาพ ความจริงแล้วมีสายการบินตรงหางโจว-เชียงใหม่ แต่ไฟต์เต็ม ต้องนั่งเครื่องไปลงที่สนามบินกวางโจว หรือกวางเจา สมัยก่อนกายกรรมกวางเจามาแสดงที่กรุงเทพฯคนแห่ชมแน่นเป็นปีมณฑลกวางตุ้ง ใช้ระยะเวลาเดินทาง 2 โมงครึ่ง เพื่อต่อเครื่องมาลงที่สนามบินเชียงใหม่ อีก 2 ชั่วโมงครึ่ง ดูน่าจะง่ายและสะดวกดี คณะออกจากโรงแรมเวลา 08.00 น.เวลา 09.5 น.ออกเดินทางจากหางโจว เวลา 11.00 น.ถึงสนามบินกวางโจว รอเวลาขึ้นเครื่องกลับเชียงใหม่ เวลา 16.0 น. วันนี้ทั้งวันใช้เวลากลับการเดินทาง แต่ก็สนุกดี เนื่องจากได้เห็นหลายๆสนามบินในประเทศจีน เป็นประสบการณ์ในการเดินทางอย่างหนึ่ง
ระหว่างรอขึ้นเครื่องกลับเชียงใหม่ ผมนึกในใจ อำเภอฮงสุน ขึ้นตรงกับมณฑลกวางตุ้งเป็นบ้านเกิดเตี่ยผม ซึ่งอพยพเดินทางมาประเทศไทยผ่านฮ่องกง มาอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภารเมื่อเกือบ 100 ปีก่อน ผมมาอยู่ใกล้แค่เอื้อมก็ถึงบ้านเกิดเตี่ยผมแล้ว ผมอยากไปรู้ไปเห็นวิถีชีวิตของบรรพบุรุษที่นี่ เมื่อครั้งเตี่ยผมมีชีวิตอยู่ เดินทางกลับบ้านไปเยี่ยมญาติครั้งสองครั้งนี่แหละ เสียดายผมไม่ได้ตามมาด้วย ทำให้ไม่รู้จักญาติเตี่ยทางนี้ ทราบเพียงว่าน้องสาวเตี่ยเป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ประจำตำบล
ทุกวันนี้ยังคิดก่อนตายอยากจะกลับไปที่บรรพชนอยู่อาศัยสักครั้งหนึ่ง แต่น่าเสียใจผมเป็นลูกเจ๊ก แต่พูดเจ๊กไม่ได้ ไม่งั้นลุยแหลกแล้ว ต้องหาตัวช่วยครับ
ถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ เลยเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง กัปตันแจ้งว่าทัศนวิสัยข้างล่างไม่ดี ต้องบินวน หากพบนับไม่ผิดน่าจะ 3 รอบ เนื่องจากนั่งติดหน้าต่างขณะวนรอบเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ชัดเจน ถึงลงสู่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้อย่างปลอดภัย มร.เหริน ยี่เซิง กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ นครเชียงใหม่ เปิดห้องวีไอพี ต้อนรับคณะผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในโอกาสเดินกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย และอีก 3 วันต่อมาท่านได้จัดเลี้ยงต้อนรับแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในโอกาสที่ไปได้ประสบการณ์มาจากเซี่ยงไฮ้ และหางโจว ในฐานะเป็นคนหนึ่งที่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย ก็ขอบคุณท่านกงสุลใหญ่ และท่านรองกงสุลใหญ่ ในนามคณะก็แล้วกัน ที่เป็นทางการท่านผู้ว่าฯปวิณ ก็ได้ขอบคุณท่านวันเดินทางมาถึงและวันเลี้ยงอาหาร ณ ภัตตาคารตูลู่แล้ว เซี่ย เซี่ย.ขอบคุณครับ
สรุป การเดินทางครั้งนี้ ได้ความสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างนครเชียงใหม่ กับ นครเซี่ยงไฮ้ และเมืองหางโจว นำมาสู่ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุนต่างๆ รวมทั้งวัฒนธรรมที่จะตามมา.
จบ