เที่ยวฮานอยแบบบูทีคกับบางกอกแอร์เวยส์ ภาค 2
ตอนที่แล้วจบที่ดูงานโรงแรมโนโวเทลฮาลองเบย์ ขอต่อภาค 2 เลย วันที่ 24 เมษายน เป็นวันที่ 3 ของการเดินทาง วันนี้มีโปรแกรมไปเที่ยวภูเขาเยนเต๋อ (Yen Tu Moutain)นั่งรถบัสประมาณ 1.30 ชม.ไปถึงเข้าชม M Gallery Hotel โรงแรมใหม่ในกลุ่ม Accor Hotels ที่กำลังก่อสร้างระดับ 5 ดาว ขนาดสร้างยังไม่เสร็จก็รู้ว่าใหญ่โตมโหฬารงานสร้าง จะเปิดให้บริการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จากจุดลงรถต้องเดินผ่านสิ่งปลูกสร้างที่ออกแนวแอนติก คนรักประเภทศิลปะต้องตาค้างแน่ หากสร้างเสร็จโดยสมบูรณ์ กว่าจะเดินถึงถึงตัวอาคารโรงแรมเดินไกลร่วม 150 เมตร ต้องผ่านสนามหญ้าสีเขียวเท่าสนามฟุตบอลและสวยงามด้วยไม้ดอด คาดว่าเมื่อเปิดบริการจะมีนักท่องเที่ยวที่ชอบโรงแรมแนวแอนติก จากทั่วโลกมาพักที่นี่

เนื่องจากบริเวณรอบๆนี้คือเขาเยนเต๋อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มรดกทางวัฒนธรรมพุทธศาสนา ที่กำลังขอจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกนอกจากเป็นโรงแรมแล้วระหว่างนี้ชม M Gallery กันก่อน จัดไว้ด้านหน้าเลย ซึ่งพอลงจากรถก็พบการบรรเลงดนตรีพื้นบ้านให้ชม ทำเอาทุกคนก็ตื่นเต้นประทับใจเสียงดนตรีจากขลุ่ยและเครี่องตีระนาดทำด้วยไม้ไผ่กันแล้ว มีนักตนตรีสาว 4 ชาย 1 บรรเลงให้ฟัง แม้ว่าตัวที่พักไฮไลท์จะยังไม่เสร็จ แต่เท่าที่เห็นบอกได้เลยว่า สวยงามและมีสไตล์ประดับตกแต่งคล้ายบูติคทั่วไปที่เน้นการแต่งวัฒนธรรมพื้นบ้าน ทางโครงการสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาวไฮโซ แต่อีกฟากหนึ่งมีที่พักทั้งแบบโรงแรมและโฮสเทลห้องรวมราคาไม่แพงให้กลุ่มโลโซให้เลือกใช้บริการ มีปลูกอาคารเป็นหลังสไตล์บ้านเวียดนามเก่าให้เป็นร้านค้า ตามถนนทางเดิน อย่างเป็นระเบียบสวยงาม ที่นี่เขาทำโรงแรมระดับ 5 ดาว และระดับติดดินด้วย คือเก็บเงินทุกชนชั้น ในบริเวณ Yen Tu Moutain เชื่อมไปขึ้นกระเช้าไฟฟ้า เพื่องนั่งไป เยนเต๋อเป็นภูเขาสูง เมื่อหลายร้อยปีก่อนกษัตริย์เยนเต๋อ บริหารบ้านเมืองเป็นที่เจริญก้าวหน้า ปราบศัตรูผู้รุกกราน จนบ้านเมืองสงบ พระองค์ใช้บันปลายชีวิตขึ้นมาบวชพระบนภูเขานี้ โดยไม่ยอมสึกทรงสละราชสมบัติ จนสวรรคต ที่นี่

จึงเป็นที่เกิดพุทธศาสนาของเวียดนาม ชาวเวียดนาม ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องขึ้นมากราบไหว้พระบนเขาเยนเต๋อให้ได้
บนเขามีวัดและพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่บนภูเขา การขึ้นภูเขาเยนเต๋อ สมัยก่อนเดินขึ้นต้องใช้เวลาหลายวัน แต่ปัจจุบันนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการท่องเที่ยวของเวียดนาม ได้สร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไป แต่ก็ไม่ไปถึงยอดเขาสูงสุด มีไว้ให้บริการถึง 2 ช่วง แต่ถึงแม้จะมีกระเช้า ก็ต้องเดิน เดินหลายช่วงแต่ละช่วง ไม่ต่ำกว่า 500 เมตร เป็นการเดินขึ้นเขาที่ทุลักทุเลเอาการ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบน แล้วมองเห็นธรรมชาติกับวิวพาโนราม่าโดยรอบ ความเหนื่อยเมื่อยล้าก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง สูดดมเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด หลังจากที่หายใจไม่คล่องจมูกที่เจอพิษหมอกควันหลายวันที่เชียงใหม่มานานร่วมเดือน ได้สูดอากาศดีๆบนเขาศักดิ์สิทธิ์คงต่ออายุไปได้อีกหลายปี แต่เมื่อคิดเดี๋ยวต้องเดินลง อีกสามทอด เพื่อไปนั่งกระเช้าไฟฟ้าอีกสองทอด เข่าก็อ่อนลงทันที แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ปลอบใจตัวเอง สู้ สู้

ความจริงแล้วเรายังไปไม่ถึงยอดเขาสูงสุดตรงวัดที่กษัตริย์ทรงบวชอยู่ ไปได้แค่ 80% เท่านั้น แต่ละแห่งจะมีอาคารวัดเก่าให้กราบไหว้พระ คนเวียดรามไม่ได้ไหว้พระเพื่อขอนี่ขอนั้น แต่ไหว้พระเพื่อเป็นศิริมงคล หากจะไปให้ถึงยอดเขาต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 2 กม.เลยต้องถอยหลังกลับ ประกอบเวลามีน้อย เอาไว้โอกาสหน้าค่อยกลับมาพิชิตเขาลูกนี้ให้ได้ ที่ชาวเวียดนามเชื่อว่าเป็นเขาแห่งความศักดิ์สิทธิ์ มากราบไหว้ให้ได้เพื่อเป็นมงคลชีวิต
ลงจากเขาแวะทานอาหารกลางวัน เป็นอาหารพื้นเมืองเยนเต๋อ ที่ร้านอาหาร Tung Lam Yen Tu Reataurant ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการมหึมานั้นเอง

หลังจากนั้น เดินทางเข้าสู่นครหลวงฮานอย คืนนี้พักที่โรงแรม Pullman Hanoi ใจกลางนครหลวงฮานอย ระดับ 5 ดาว ก่อนอาหารค่ำ ทางโรงแรมได้พาคณะชมกิจการของโรงแรม คืออวดให้คณะสื่อมวลชนเชียงใหม่ได้ชมความทันสมัยของโรงแรมนั้นแหละ ค่ำนี้ทางโรงแรมเลี้ยงอาหารค่ำเป็นเซทดินเน่อร์ บางอย่างก็เคยทาน บางอย่างก็ไม่เคยทาน แต่ก็อร่อยทุกชนิด คนชอบไวน์ ชอบเบียร์ทางโรงแรม ก็บริการไม่อั้น ผมเสียเปรียบหน่อยไม่ดื่มทั้งไวน์ ทั้งเบียร์ หลายคนชนแก้วสนุกกันไปเลย

  
หลังอาหารค่ำคณะทุกคนออกไปช็อปถนนคนเดิน ผมไปมาหลายครั้งแล้ว ขอนอนพักอยู่ที่โรงแรมดีกว่า ขอนอนให้คุ้มบนเตียงนุ่ม แอร์เย็น กับโรงแรมระดับ 5 ดาว คือขอนอนให้คุ้ม เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเพื่อเตรียมตัวกลับเชียงใหม่
เช้าวันที่ 4 ในนครหลวงฮานอย ฝนตกปรอยๆ คณะเดินทางไปคารวะสุสานท่านประธาน โฮ จิมินห์ วีระบุรุษผู้นำกู้ชาติเหนือชัยฝรั่งเศส ทุกครั้งที่ผมมาจะไปคารวะศพท่าน จะพบเห็นประชาชน ไปเข้าแถวยาวรอเป็นกิโลเมตร เพื่อเข้าเคารพศพ ครั้งนี้ก็เช่นกันประชาชนจำนวนมากได้มาเข้าคิวเช่นเคย ในส่วนคณะสื่อมวลชนเชียงใหม่ ทางบริษัททัวร์ทางฮานอยได้ประสานงานเป็นกรณีพิเศษ ให้จัดวางพวงมาลาหน้าสุสาน โดยไกด์ด่งบอกว่าเมื่อพี่อำนาจมา ในฐานะเป็นนายกสมาคมคมสื่อฯจากเชียงใหม่ ทางบริษัทจึงติดต่อประสานงานง่ายขึ้น เมื่อมีผู้ใหญ่มาคณะเราจึงต้องเดินแถวเกียรติยศวางพวงมาลา ท่ามกลางสายฝนปรอยๆ( ตามภาพประกอบ )

  
เนื่องจากเวลามีน้อย คณะจึงไม่ได้ชมทำเนียบประธานาธิบดี บ้านพักลุงโฮ และวัดเสาเดียว ที่มีอายุพันกว่าปี เนื่องจากต้องรีบเดินทางไปท่ากาศยานนอยไบ เพื่อเดินทางกลับเชียงใหม่ เวลา 12.55 น. โดยก่อนขึ้นเครื่องทานเฝอส่งท้าย คนละชาม เป็นอันจบทริบ 3 คืน 4 วัน กับสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ เนื่องในโอกาสเปิดเส้นทางบินตรงเชียงใหม่-ฮานอย

อำนาจ จงยศยิ่ง รายงาน
ขอบคุณ ทีมงานส่วนประชาสัมพันธ์องค์กร บางกอกแอร์เวยส์ทุกท่าน
ขอบคุณ น้องบีม จาก ACCORHOTELS
#เที่ยวฮานอยแบบบูทีค
#Bangkokairways
#Boutiquejourney
#ChaingmaiHanoi

#AccorHotels

#FeelWelcome
#PullmanHanoi
#NovotelHalongBay
#mgalleryyentu

แท็ก คำค้นหา