แอ่วเมืองตาก (1)

    ระหว่างวันที่ 10-14 กันยายน ที่ผ่านมา สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตากเชิญสื่อมวลชนและบริษัทนำเที่ยวในจังหวัดเหนือ ไปร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของจังหวัดตาก Fam Trip คุณสวัสดี ทาใจ นายกสมาคมสื่อจังหวัดลำพูน ชวน จิรชัย คงคาดิษฐ และผมไปร่วมด้วย โดยไม่ได้ใช้โควต้าสื่อของเชียงใหม่ ผมเพิ่งไปแม่สอด แม่ระมาด และ พบพระ เมื่อปีกลายแล้ว เลยสองจิตสองใจจะไปหรือไม่ไป แต่จิรชัย บอกว่าไปเถอะถือว่าไปหากินกาแฟเล่นๆที่แม่สอดก็แล้วกัน และนายกฯไก่อุตส่าห์ชวนแล้วให้เกียรติเขาหน่อย คำว่าให้เกียรติ คำเดียว เลยต้องไป เมื่อไปแล้วจึงต้องมาพูด..เล่าสู่กันทราบ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้กับท่องเที่ยวและกีฬาตากในฐานะเจ้าของเงินงบประมาณให้พวกเราได้ไปดูงานกันจะได้คุ้มกับงบประมาณที่หมดไปเมื่อไปแล้วได้ความรู้ประสบการณ์และความสนุกสนาน ถือว่าได้ต่ออายุให้ยืนยาวขึ้นอีกหลายปี พร้อมกับช่วยกระจายงานท่องเที่ยวตากให้ทราบ ณ ที่นี้

    เช้าวันที่ 10 กย.เดินทางถึงอำเภอแม่สอด จ.ตากเวลา 11.00 น. รายงานตัว ณโรงแรมอีโค่อินน์ ระดับ 3 ดาว มีห้องพักถึง 100 ห้อง ก็ต้องสอบถามว่าห้องมากอย่างนี้ มีแขกพักตลอดปีกี่เปอร์เซนต์ ได้รับคำตอบว่าเฉลี่ยทั้งปี 60% ถือว่าใช้ได้ ตัวอำเภอแม่สอดวันนี้แปลกหูแปลกตาไปมาก ตึกรามบ้านช่อง และถนนตัดใหม่หลายสาย รองรับเมืองแม่สอดเขตเศรษฐกิจใหม่ ห้างเซ็นทรัลก็มาเปิดเพื่อนๆที่ไปเดินเที่ยวบอกว่าใหญ่กว่าเชียงใหม่เสียอีก โลตัส แมคโคร เซเว่นไม่ต้องพูดถึง ก็มากันครบถ้วน แต่ที่ต้องพูดการสร้างถนนตาก-แม่สอด ผ่านมาหลายปี น่าจะไปได้แค่ 60% เท่านั้น อ้าว..ลุงตู่ ขันเกลียวช่วยให้สร้างเสร็จเร็วๆ

 

   บ่ายพิธีเปิดผู้เข้าร่วม เส้นทางการท่องเที่ยวจังหวัดตากในภาพรวมที่ได้น้ำได้เนื้อหาสาระดี โดยคุณปิยะ เคนขยัน อดีตท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตาก ปัจจุบันเป็นนายกสมาพันธ์ท่องเที่ยวจังหวัดตาก ที่ผมตัดสินใจร่วมมาทริปนี้อีกเหตุผลหนึ่ง ก็เห็นชื่อคนนี้แหละ เนื่องจากเคยคบค้าสมาคมกันมาเมื่อครั้งรับราชการอยู่ที่เชียงใหม่ เมื่อ 20 กว่าปีก่อน เคยร่วมทีมนักฟุตเชียงใหม่ ไปแข่งที่เวียงจันทน์ ร่วมกับพลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย หลังจากไทย-ลาว รบกันที่บ้านร่มเกล้าใหม่ๆ ขณะนั้นเวียงจันทน์ถนนหลายสายยังเป็นดินลูกรังอยู่เลย กลางคืนไม่มีคนเดินบนถนนเลย นานๆทีจะมีหนุ่ม-สาว ลาวขี่จักรยานจีบกันผ่านไป จึงถือว่าเป็นขณะไทยชุดแรกๆที่ไปเชื่อมความสัมพันธไมตรีหลังเลิกรบกันใหม่

    คุณปิยะวันนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวและการค้าไทย-เมียนมาไปแล้ว เพื่อให้ง่ายและชินชาคำเก่าๆ ต่อไปทุกข้อความพูดนี้ขอใช้ พม่า ก็แล้วกัน คุณปิยะได้รับความไว้วางใจจากผู้ว่าราชการจังหวัดตากสำรวจเช่นทางท่องเที่ยวจากจังหวัดเมียวดีของพม่าไปทะลุ เมาะละแหม่ง บ้านของมะเมียะ คนรักในตำนานเล่าเจ้าชายสุขเกษม โอรสเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 9 ไปยางกุ้ง มัณฑเลย์ พุกาม เนวาดอ และอีกหลายเมืองของพม่า ทำให้มีเพื่อนชาวพม่าระดับนายพลทหารก็หลายคน เพื่อสรุปรายงานให้ผู้ว่าราชการตากใช้ในการเป็นข้อมูลในด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจต่อไป

   จากการบรรยายของคุณปิยะทำให้ทราบว่าจังหวัดตากเป็นเมือง 4 มหาราช คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เคยนำทัพไปตีเมืองตาก สมเด็จพระนารายมหาราช ก็เคยนำทัพมาจังหวัดตาก สมเด็จพระนเรศวรมหาราช นำทัพมาจังหวัดตากเช่นกัน และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เคยเป็นเจ้าเมืองตาก จึงเป็นเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยที่ทราบมาพูดบอกให้ทราบตากคือเมือง 4 มหาราชนะครับ คุณปิยะเล่าว่าเมื่อก่อนอำเภอแม่สอดที่ดินไร่ละไม่กี่แสน วันนี้ไร่ละ 20 ล้าน ทำเลดีๆก็ไม่มีให้ซื้อ วันนี้แม่สอดมีอาคารชุดถึง 8 แท่ง ทุกแท่งขายหมด ทุกวันมีชาวพม่าเข้ามาเที่ยว เข้ามาซื้อสินค้า และเข้ามาไหว้พระ ทำให้เศรษฐกิจเจริญอย่างต่อเนื่อง

    ด่านแม่สอดการค้าชายแดนจากปีไม่กี่หมื่นล้านบาท วันนี้ปาเข้า 8 หมื่นล้านบาทแล้ว คาดว่าปีหน้าอาจจะถึง แสนล้านบาท เพียงให้รัฐบาลกระตุ้นความเป็นเมืองเศรษฐกิจเร็วๆเท่านั้น แม่สอดจะไปไวกว่านี้ เนื่งจากเส้นทางนี้ทะลุไปถึงอินเดีย และจีน ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวอินเดียได้ใช้เส้นทางนี้ในการท่องเที่ยวบ้างแล้วรวมทั้งจีนด้วย จึงไม่แปลกสถานประกอบการแทบทุกประเภทในแม่สอด แม่ระมาด และพบพระ แรงงานส่วนมากเป็นชาวพม่าถึง 80% จบวันแรกของทริปด้วยอาหารค่ำที่โรงแรม

    ผมผิดสังเกตุวิทยากรที่บรรยายจะพูดถึงบุคคลสำคัญคือสมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระเจ้าตาก และพระวอเท่านั้น แต่ไม่ได้พูดถึงขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด ทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์สำคัญในตากเช่นกัน แต่เมื่อมาอ่านประวัติศาสตร์ ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด บางตำราว่าเจ้าเมืองแม่สอด บางตำราว่า ฉอด คือเจ้าเมืองแม่ระมาด ก็เอาเถอะที่คนไม่พูดถึง คงเนื่องจากขุนสามชน คิดการใหญ่สู้รบกับทัพพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เจ้าเมืองสุโขทัย ถึงกับยกทัพมาเผชิญกันที่ตาก ขณะสู้รบพ่อขุนศรีพลาดท่า เจ้าราม ราชโอรสวัย 19 ปี ได้ตามพระราชบิดาออกศึกครั้งนี้ด้วยได้ไสช้างศึกเข้ามาช่วยพระราชบิดา จึงเกิดศึกยุทธหัตถีระหว่างเจ้ารามกับขุนสามชน เป็นศึกรบบนหลังช้างกองทัพไทยด้วยกัน ขุนรามสู้กับขุนสามชนอย่างองอาจ คงเนื่องจากความหนุ่มแน่นมีความห้าวหาญแรงกล้ากว่า ทำให้ขุนสามชนพลาดท่าได้รับบาดเจ็บ ต้องถอยทัพกลับเมืองฉอดอย่างบอบช้ำ ถึงระดับทัพอย่างพิการไปเลย ต่อมาพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ได้ประกาศความดีความดีความชอบเลื่อนชั้นพระราชโอรสขึ้นเป็น พระรามคำแหง ภายหลังขึ้นครองราชเป็นพ่อขุนรามคำแหงครองเมืองสุโขทัย

    ด้านพระวอที่ชาวตากกล่าวถึงและให้ความเคารพมาจากเป็นทหารของพระเจ้าตากมีเชื้อสายกะเหรี่ยง ถูกมอบความไว้วางใจให้เฝ้าแม่สอดรับมือกับกองทัพพม่าที่มาจากหงสวดี ทำหน้าที่สกัดพม่าอยู่ที่ค่ายแม่ละเมาอันเป็นที่ตั้งศาลพระวอบนถนนตาก-แม่สอด ในปัจจุบัน พระวอนำกำลังทหารน้อยนิดสู่กับกองทัพพม่าที่จะผ่านด่านแม่ละเมา ในขณะที่กองทัพพม่ามีกำลังพลหลายหมื่น พระวอสู้ถวายชีวิตตายพร้อมกับทหารทั้งหมด พระเจ้าตากสินจึงประกาศความดีความชอบให้ ทำให้ชาวแม่สอดและชาวตากให้ความเคารพพระวอจนถึงปัจจุบัน ไปแม่สอดแวะกราบไหว้พระวอที่ศาลได้ ก่อนถึงแม่สอด 20 กม.

 

   เช้าวันที่สองวันที่ 11 กย. เดินทางดูงานชุมชนบ้านโฮ่ง อำเภอแม่ระมาด ชุมชนนี้สืบเชื้อสายมาจากเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เมื่อ 100 ปีก่อน บรรพบุรุษได้เดินทางมาค้าขายวัว ควาย นำจากพม่าเข้ามา ระหว่างเดินทางใช้หมู่บ้านนี้เป็นที่พักแรม พักไปพักมาอพยพครอบครัวมาอยู่ที่นี่เสียเลย ชุมชนมีการจัดการที่ดีเรื่องนำกล้วยมาแปรรูป เป็นกล้วยอบ คล้ายกล้วยตาก และขนมกล้วยห่อใบตอง สามารถนำออกขายไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด และมีการจัดการที่ดีในเรื่องของเกษตรอินทรีย์ทำรายได้ให้กลุ่มเกษตรในหมู่บ้าน และการจัดการในเรื่องท่องเที่ยวในหมู่บ้านประเภทโฮมสะเตย์

 

 

   เนื่องจากบ้านโฮ่งขึ้นชื่อในเรื่องผลิตภัณฑ์กล้วย อาหารเที่ยงเมณูเด็ดก็คือผลิตภัณฑ์กล้วย แกงหยวกไก่ ยำหัวปลี น้ำพริก ปลาซิวทอด และไข่ลูกเขย พูดได้ว่าอร่อย ถูกปาก คณะที่ร่วมเดินทางไม่มีใครพูดเลยว่าไม่อร่อย ต้องขอบคุณชุมชนบ้านโฮ่ง ที่ทำให้ผมได้กินแกงหยวก หลังจากที่ไม่ได้กินมานานกว่า 50 ปี เคยกินสมัยเป็นเด็กๆเท่านั้น เอ่อวิถีชีวิตที่นี่อยู่กันแบบพี่แบบน้อง ทั้งหมู่บ้านดูสะอาด ทำให้วิถีชีวิตมีความสูขสูง ผู้คนอายุยืนเนื่องจากสภาพแวดล้อมอากาศดี บริโภคพืชผักเกษตรอินทรีย์ จึงไม่มีสารพิษตกค้างในร่างกาย

 

 

 

 

   จากนั้นผู้ใหญ่ตู่ อุทัย แก้วปาคำ พาไปไหว้พระที่วัดดอนแก้ว ในโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนปางมารวิชัยแกะสลักด้วยหินอ่อน ขนาดกว้าง 1.30 เมตร สูงจากพระแท่นฐานถึงรัศมี 1.60 เมตร ศิลปะพม่า อัญเชิญมาจากกรุงย่างกุ้ง เมื่อ 100 ปีก่อน มีลักษณะสวยงาม เล่ากันว่าช่างแกะสลักชาวย่างกุ้งได้แกะพระพุทธรูปขึ้นมา 3 องค์ ถูกนำไปไปเทศอินเดีย 1 องค์ ปากีสถาน 1 องค์  และไทย 1 องค์ แกะได้เพียง 3 องค์เท่านั้น องค์ที่ 4 จึงไม่มีในประเทศพม่า จะด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ ช่างเสียชีวิตไป หรือเลิกแกะไปแล้ว ชาวพม่าจึงเดินทางมากราบไหว้บูชาพระพุทธรูปหินอ่อนใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแทบทุกวัน เดินทางมาไกลถึงย่างกุ้ง ถึงหงสวดี เมืองพุกาม เมืองเมาะละแหม่ง ก็มากันมาก และเมืองอื่นๆ เนื่องจากชาวพม่าถือว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ท่านผู้อ่านไปแม่สอด แวะไปกราบไหว้ขอพรได้ บ้านโฮ่ง อยู่ที่ อ.แม่ระมาด ห่างจากแม่สอดไปทางทิศเหนือ ประมาณ 30 กม.

    ขากลับเข้าแม่สอดระหว่างทางแวะดื่มกาแฟร้าน Wisdom Field ไม่น่าเชื่อพื้นที่ชนบทห่างไกลจะมีร้านกาแฟ

บริการแบบร้านทันสมัยไม่แพ้ในเมือง ร้านล้อมรอบด้วยสระน้ำ สวนดอกไม้ จัดว่าสวยดีบรรยากาศน่านั่ง

   อาหารเย็นนี้ปิดทริปด้วยร้านข้าวเม่า ข้าวฟ่าง ก็คงไม่ต้องบรรยาย เป็นที่ทราบกันว่าหากถึงแม่สอด ไม่ไปข้าวเม่า ข้าวฟ่าง ถือว่าไปไม่ถึงแม่สอด ( อ่านต่อภาค 2)